จากพระราชปณิธานของ “สมเด็จย่า” หรือสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงตระหนักถึงความสำคัญของต้นไม้ในการรักษาสมดุลของธรรมชาติและคุณภาพชีวิตของประชาชน นำมาสู่การกำหนดให้วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปีเป็น ‘วันต้นไม้ประจำปีของชาติ’ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา
การกำหนดวันสำคัญนี้ มุ่งหวังให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้และเพิ่มพื้นที่สีเขียว ตลอดจนการดูแล บำรุงรักษา และฟื้นฟูต้นไม้เดิมให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย เพราะต้นไม้…ให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด
- กรองมลพิษในอากาศและเพิ่มออกซิเจน – ช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองและมลภาวะ
- ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยลดภาวะโลกร้อน – ต้นไม้ 1 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 9–15 กิโลกรัมต่อปี
- ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน – ระบบรากของต้นไม้ช่วยยึดเกาะดิน โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดชัน
- เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ – พื้นที่ป่าไม้เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์และพืชหลากชนิด
- ลดความร้อนในเมือง – พื้นที่สีเขียวช่วยลด “เกาะความร้อน” ในเขตชุมชนเมืองอย่างมีนัยสำคัญ
ต้นไม้ในป่าธรรมชาติ ยังน่าเป็นห่วง - ข้อมูลจากกรมป่าไม้ (2565) สะท้อนให้เห็นว่าในปี พ.ศ.2565 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ราว 31.57% ของพื้นที่ประเทศ หรือประมาณ 102 ล้านไร่ ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 76,000 ไร่ ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นที่สังคมต้องร่วมกันฟื้นฟูและรักษาพื้นที่สีเขียวให้คงอยู่ โดยเราสามารถร่วมกันดูแล รักษาและปลูกเพิ่มต้นไม้อย่างยั่งยืนได้
บทบาทของ TEI ในการรักษาต้นไม้อย่างยั่งยืน - ที่ผานมา TEI ขับเคลื่อนการรักษาต้นไม้ควบคู่กับการอนุรักษ์ป่าไม้อย่างยั่งยืน 4 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านวิชาการที่สร้างองค์ความรู้และส่งเสริมการอยู่ร่วมกับป่าอย่างสมดุล เช่น การศึกษาแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ป่าไม้ (2) ด้านเครือข่ายและภาคีความร่วมมือ เช่น การจัดการป่าของชุมชนบ้านกวางงอยพัฒนา จ.บุรีรัมย์ และในพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ประสบภัยพิบัติ (3) ด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการเตรียมความพร้อมของประเทศต่อกฎหมายของสหภาพยุโรป และ (4) ด้านการมีส่วนร่วมของสังคม ผ่านกิจกรรมปลูกต้นไม้ทั้งป่าบกและป่าชายเลน เพื่อสร้างจิตสำนึกและความต่อเนื่องในการอนุรักษ์
TEI ขอเชิญทุกท่านมาร่วมกันปลูกต้นไม้ – เลือกชนิดพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ปลูกแล้วต้องดูแลบำรุงต้นไม้ที่ปลูกแล้วอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้เยาวชนและชุมชนร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้และทำแนวกันไฟในพื้นที่ป่า ควรปรับใช้เทคโนโลยี เช่น แอปพลิเคชันติดตามต้นไม้ หรือระบบ IoT ตรวจวัดความชื้น นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากหรือข้อมูลที่ระบุว่าไม่ได้มาจากการตัดไม้ทำลายป่า
การดูแลต้นไม้ไม่ควรเป็นเพียงกิจกรรมในวันเดียว แต่ควรเป็นความรับผิดชอบร่วมกันในทุกๆ วัน เพื่อให้ต้นไม้ที่เราปลูกและดูแลรักษาในวันนี้เติบโตเป็นร่มเงาแห่งความยั่งยืนของคนรุ่นต่อไป
เรียบเรียงโดย:
ญาณิศา งามสอาด
นักวิจัย สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย
ขอบคุณแหล่งข้อมูล:
กรมป่าไม้. (2565). สถานการณ์พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย พ.ศ. 2565. กรมป่าไม้. สืบค้นจาก
https://forestinfo.forest.go.th/.../Forest_Area_2565...
Share: