เมื่อธรรมชาติเดินเกมเร็ว ‘โลกเดือด’ เป็นปัญหาที่จ่อมาทักทายถึงหน้าบ้าน ผลกระทบที่เกิดขึ้นตอนนี้ รวดเร็ว รุนแรง คาดเดายาก ดังนั้น ‘การปรับตัว’ จึงไม่ใช่ทางเลือกของใครอีกต่อไป แต่หากเป็นทางรอดเดียว ที่ต้องรีบ ‘ปรับเพื่ออยู่ รู้เพื่อรอด’ และ Climate Adaptation หรือการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่วาระของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่คือ วาระสำคัญของผู้คนทั้งโลก

ในอดีต เราอาจพอคาดเดาเหตุการณ์ธรรมชาติและสภาพอากาศได้บ้าง แต่วันนี้ เหตุการณ์ ‘โลกเดือด’ หรือ Climate Change ได้เปลี่ยนทุกอย่างจนแทบไม่อาจคาดเดาได้เลย ความไม่แน่นอนนี้เอง ที่ทำให้การรับมือยากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน หลายครั้งภัยพิบัติมาโดยไม่ทันตั้งตัว จนนำไปสู่ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินในวงกว้าง
สถานการณ์ปัจจุบันตอกย้ำว่า ‘ความสูญเสีย’ จากการรับมือสภาพภูมิอากาศที่ไม่อาจคาดเดาได้ กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราไม่ได้เผชิญเพียงความเสียหายต่อทรัพย์สิน แต่กำลังเผชิญ “หายนะทางเศรษฐกิจ” ที่ส่งผลต่อความมั่นคงของมนุษยชาติทั้งหมด
ภัยพิบัติสุดขั้วเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นทุกปี และตัวเลขต่อไปนี้ คือ หลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งเป็นราคาความเสียหายที่ต้องจ่ายแพงขึ้นทุกที
- ภาพรวมจากทั่วโลก : ปี 2024 ความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศรวมกว่า 417,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบทศวรรษถึง 15%
- ยุโรป : น้ำท่วมใหญ่ในเดือนกันยายน 2024 พัดถล่มยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก สร้างความเสียหายรวมกว่า 1,600–2,100 ล้านยูโร ในหลายประเทศ และเฉพาะในสเปน ความเสียหายรวมถึง 16,500 ล้านยูโร พร้อมผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 232 คน
นี่คือสัญญาณเตือนว่า เมื่อภัยมาถึงอย่างกะทันหัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นเกินกว่าการรับมือปกติจะรับไหวได้
Climate Adaptation ไม่ใช่แค่วิธีการรับมือด้านสิ่งแวดล้อม แต่คือ ทักษะการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ยุคใหม่ ในวันที่สภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การมองข้ามการปรับตัวเท่ากับการปล่อยให้ชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของเราตกอยู่ในความเสี่ยง
ประเทศไทยเองก็มีตัวเลขที่สะท้อนถึงความเร่งด่วนนี้อย่างชัดเจนในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
- ภัยแล้ง: สร้างความเสียหายรวมกว่า 17,000 ล้านบาท กระทบประชาชนเฉลี่ยปีละกว่า 8.4 ล้านคน
- วาตภัย (พายุ) บ้านเรือนเสียหายสะสมกว่า 1.3 ล้านหลัง มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 556 คน
- อุทกภัย (น้ำท่วม) เกิดถี่ขึ้นในหลายพื้นที่ แม้บางชุมชนจะย้ายถิ่นฐานหนีน้ำแล้วก็ตาม
- ภัยพิบัติร้ายแรง (รวมสึนามิ) มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 11,000 คน และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล
ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด
เพราะ Climate Adaptation หรือ การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ จึงเป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะ “เกราะป้องกันชีวิต ทรัพย์สิน และความมั่นคงทางอาหาร”
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้หยุดแค่การทำลายสิ่งแวดล้อม แต่มันกำลังกัดกินสินทรัพย์และรายได้ของประชาชนโดยตรง ผ่านการทำลายห่วงโซ่อุปทาน และการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพ
ในมุมของการปรับตัว Climate Adaptation คือการดำเนินการที่ทำให้มนุษย์ ระบบเศรษฐกิจ และสังคม สามารถอยู่ร่วมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ โดยมีเป้าหมายหลักคือการ “ลดความเปราะบาง” ต่อภัยคุกคามทั้งจากปรากฏการณ์สุดขั้วและผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การปรับตัวในบริบทนี้จึงหมายถึงการสร้าง “ภูมิคุ้มกันและความยืดหยุ่น (Resilience)” ให้กับครัวเรือนและชุมชน เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถลดความเสียหายที่คาดไม่ถึง และฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังเกิดภัยพิบัติ ซึ่งทั้งหมดนี้คือหลักประกันของความมั่นคงทางเศรษฐกิจและชีวิต
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ขอเป็น หน่วยงานที่ให้ความสำคัญ ในการลุกขึ้นมาพูดถึงเรื่อง การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Adaptation อย่างจริงจังเพราะเราเชื่อว่า “การปรับตัว” ไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงในรายงานหรือห้องประชุมแต่มันต้องกลายเป็น อาวุธทางความคิดของคนไทยอาวุธที่ช่วยให้เราอยู่รอด เข้าใจ และพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดยั้ง
การขับเคลื่อนเรื่องนี้อยู่ภายใต้กรอบของ แผนการปรับตัวแห่งชาติ (National Adaptation Plan หรือ NAP) ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญในการเสริมสร้าง “ภูมิคุ้มกันของประเทศ” ให้รับมือกับผลกระทบจากโลกรวนในทุกมิติ
โดยมี 6 ด้านหลัก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการปรับตัว ได้แก่
- การจัดการทรัพยากรน้ำ : พัฒนาและบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ ทั้งในยามแล้งและยามน้ำหลาก
- การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร : ปรับระบบเกษตรให้ยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ และคงความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
- การท่องเที่ยว : พัฒนาแนวทางการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับธรรมชาติ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- สาธารณสุข : เสริมความพร้อมในการป้องกันและรับมือโรคที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ
- การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ : รักษา ฟื้นฟู และใช้ทรัพยากรอย่างสมดุล เพื่อคงไว้ซึ่งระบบนิเวศที่มั่นคง
- การตั้งถิ่นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ : วางผังเมืองและชุมชนให้มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย และฟื้นตัวได้หลังเกิดภัยพิบัติ
แผนนี้ไม่ได้เป็นเพียงเอกสารทางนโยบายแต่มันคือ “ดัชนีความปลอดภัยของประเทศ” ที่สะท้อนว่าเราพร้อมแค่ไหนในการอยู่ร่วมกับสภาพภูมิอากาศที่ไม่อาจคาดเดาได้
นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด “ปรับ เปลี่ยน ปลอด” การทำให้เรื่องของสิ่งแวดล้อมและการปรับตัวไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ชีวิตของเราทุกคน เพราะ
TEI เชื่อว่า “ความรู้ต้องเข้าถึงได้” ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเมืองหรือในหมู่บ้าน อยู่ในภาคเหนือ กลาง อีสาน หรือใต้ ทุกคนต้องมีโอกาสเข้าถึงข้อมูล เข้าใจ และมีส่วนร่วมในการปรับตัวโดยไม่แบ่งชนชั้น ไม่แบ่งพื้นที่ และไม่ปล่อยให้ใครต้องเผชิญกับภัยพิบัติโดยลำพัง อย่างไรก็ตาม
Climate Adaptation คือมากกว่าคำว่า “การปรับตัว” แต่มันคือ “ทักษะการเอาชีวิตรอดของคนยุคใหม่” คือความรู้ที่ต้องถูกส่งต่อถึงมือทุกคน โดยไม่ติดกำแพงของชนชั้นหรือสถานะ ซึ่งการปรับต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมี 4 ระดับ ได้แก่ ระดับบุคคล ระดับชุมชนและเมือง ระดับประเทศ ระดับนานาชาติ โดยขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ให้เหมาะสม และคือ
ก้าวสำคัญที่จะพาเราทุกคนไปสู่ “สังคมที่ปลอดภัยและยั่งยืน” อย่างแท้จริง
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) พร้อมทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้เรื่องภัยโลกรวน ทั้งข้อมูล ข้อเท็จจริง และแนวทางการปรับตัวในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คนไทยทุกคน “รู้เท่าทัน และพร้อมอยู่กับโลกที่เปลี่ยนไป”
ติดตามองค์ความรู้ดี ๆ จาก สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ได้ช่องทางต่างๆเพราะที่นี่คือ “พื้นที่แรก” ที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาโลกเดือด และแนวทางการปรับตัวเพื่อให้คนไทย “ปรับเพื่ออยู่ รู้เพื่อรอด” ไปด้วยกัน
Share: