30 สิงหาคม 2567 ดร. วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ สาระสำคัญในการประชุม COP และจุดยืนของประเทศไทย ให้แก่ผู้เข่าร่วมการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำระดับสูงด้านธุรกิจที่ยั่งยืน รุ่นที่ 2 คณะบริหารธุรกิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน กรุงเทพมหานคร
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อธรรมชาติและสังคมทั่วโลก โดยเฉพาะภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและบ่อยขึ้น เช่น พายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง และไฟป่า การเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศที่ไม่ปกติทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิต ความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจ ในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งผลให้ภัยพิบัติต่างๆ มีความรุนแรงขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเหตุการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมที่จังหวัดภูเก็ต นี้ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก บ้านเรือนจมอยู่ใต้น้ำ ระบบคมนาคมถูกตัดขาด และการเกษตรได้รับความเสียหายอย่างมาก นี่เป็นผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในยุคปัจจุบัน โดยประเทศไทยได้ตอบรับจากการประชุม COP26 และข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ด้วยการตั้งเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 ผ่านการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ประเทศได้ปรับปรุงแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (NDCs) มาตรการที่ประเทศไทยได้ดำเนินการรวมถึงการส่งเสริมพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานชีวมวล การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง การส่งเสริมการปลูกป่าและการอนุรักษ์ป่าไม้ เพื่อเพิ่มการดูดซับคาร์บอน และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้ผลักดันนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดของเสีย รวมถึงการเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ในขณะที่การประชุม COP28 ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการเร่งดำเนินการตามเป้าหมายด้านสภาพอากาศ โดยประกาศแผนการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากขึ้นจากเดิม ประเทศไทยยังย้ำเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2065-2070 พร้อมกับเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและการเสริมสร้างความยืดหยุ่นของชุมชนเพื่อต่อสู้กับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำระดับสูงด้านธุรกิจที่ยั่งยืน หรือ "KU CARE" มีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของผู้นำในองค์กรธุรกิจ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืน หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการสร้างผู้นำที่สามารถผสานหลักการด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจที่ไม่เพียงแต่สร้างผลกำไร แต่ยังส่งผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
Share: